วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561




Facebook ยืนยันจะยกเลิกแอปพลิเคชัน 3 ตัวซึ่งมีผู้ใช้งานน้อย ได้แก่ Hello, Moves และ tbh โดยจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
Hello เป็นแอปพลิเคชันในระบบ Android ซึ่ง Facebook เปิดตัวเมื่อสามปีก่อนใน 3 ประเทศ ได้แก่ บราซิล ไนจีเรีย และอเมริกา โดยเป็นแอปฯเกี่ยวกับการโทร ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถรวมข้อมูลจาก Facebook เข้ากับข้อมูลในโทรศัพท์นั่นเอง
แอปฯ ที่สองที่จะถูกปิดตัวลงคือ Moves ซึ่งเปิดตัวในปี 2014 เป็นแอปฯที่ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกกิจวัตรประจำวันอย่างเช่น การเดิน การปั่นจักรยาน และการวิ่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือคล้ายๆ แอปพลิเคชันเกี่ยวกับการออกกำลังกายของเราในปัจจุบัน
ท้ายที่สุดคือ tbh ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เป็นแอปพลิเคชันสำหรับนักเรียนมัธยมปลายที่อเมริกา ซึ่งเหมือนกับแอปฯทั้ง 2 ตัวก่อนหน้าคือ ไม่ได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมาย


ที่มา https://www.beartai.com

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561




                    ปฏิเสธไม่ได้ว่า Google คือส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งอีเมล์, เซิร์ชเอ็นจิ้น, แผนที่นำทางและปฏิทิน แถมล่าสุด ทีม Google’s Medical Brain ยังได้พัฒนาระบบ AI ที่มีศักยภาพมากขนาดคาดการณ์วันเสียชีวิตของผู้ป่วยที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลได้แม่นยำถึง 95%
เอกสารการวิจัยได้สรุปว่าโมเดลการใช้ AI ของ Google สามารถทำนายวันเสียชีวิตของคนไข้ในโรงพยาบาลได้แม่นยำกว่าการวัดผลด้วยวิธีอื่น ๆ ในอดีต โดยมีการยกตัวอย่างเคสของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายหนึ่ง ที่มีการนำ AI มาใช้วินิจฉัยการรักษา ซึ่ง AI ได้ทำการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 175,639 ข้อมูล ก่อนจะประมวลผลว่าผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิต 19.9% โดยพบว่าสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้นผู้ป่วยถูกประมวลผลว่ามีโอกาสเสียชีวิต 9.3% นั่นหมายความว่า AI วินิจฉัยโอกาสเสียชีวิตของผู้ป่วยดังกล่าวสูงขึ้น และที่น่าสนใจก็คือในสองสัปดาห์หลังจากนั้น ผู้ป่วยก็เสียชีวิต

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561



              ศาลออสเตรเลียสั่งปรับบริษัท Apple กว่า 9 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 6.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังปฏิเสธการซ่อม iPhone และ iPad ที่เคยถูกซ่อมด้วยบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ Apple มาก่อน กรณีนี้มีผู้ใช้หลายรายแจ้งไปยัง Apple เพื่อขอความช่วยเหลือหลังเจอปัญหาที่เรียกว่า "Error 53" ซึ่งเป็นการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ทำให้อุปกรณ์กลุ่มดังกล่าวที่ผ่านการซ่อมโดยบุคคลภายนอกไม่สามารถทำงานได้
Apple ระบุว่าได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับลูกค้าชาวออสเตรเลียอย่างน้อย 275 ราย ว่าอุปกรณ์ของพวกเขาได้รับการซ่อมแซมอย่างไม่ถูกต้อง และจากข้อมูลของหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของออสเตรเลีย ระบุว่าทาง Apple ต้องพบกับลูกค้าที่มีปัญหาในเรื่องนี้กว่า 5,000 ราย 













                                                              



                                     ที่มา: https://news.thaiware.com

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561


ที่มา:https://it.pim.ac.th




          Fast Company รายงานว่า Apple Watch รุ่นใหม่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของปุ่มเม็ดมะยม (digital crown) และปุ่มกดด้านข้างที่คาดว่าจะปรับมาใช้เป็นปุ่มเสมือนจริงแบบสัมผัสที่มาพร้อม Taptic Engine ซึ่งจะสามารถรับรู้แรงกดได้ด้วย ซึ่งตัวเม็ดมะยมและปุ่มกดนั้นจะยังคงมีอยู่เช่นเดิมเพียงแต่เพิ่มระบบสัมผัสเข้ามาด้วยนั่นเอง
          การปรับมาใช้ระบบสัมผัสเสมือนจริงใน Apple Watch นั้นคล้ายกับการปรับเปลี่ยนปุ่มโฮมใน iPhone 7 หรือ trackpads บน MacBook โดยคาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ภายในหน้า ซึ่งการหันมาใช้ปุ่มสัมผัสนั้นมีผลดีทำให้ Apple Watch กันน้ำได้ดีขึ้น รวมทั้งมีพื้นที่ให้สามารถใส่แบตเตอรีขนาดใหญ่ได้มากกว่าเดิม และที่น่าสนใจที่สุดก็คือการปรับมาใช้ปุ่มเสมือนจะเป็นการเบิกทางสำหรับการเพิ่มศักยภาพรองรับฟังก์ชันสุขภาพ ในกรณีที่ต้องตรวจวัดผ่านการสัมผัสกับผิวหนังผู้ใช้โดยตรง
ที่มา:https://www.beartai.com

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561










           สำนักข่าว AFP รายงานว่าปัจจุบันประชาชนชาวสวีดิสเริ่มทำการฝังไมโครชิปลงบนผิวหนังของตนเอง ซึ่งสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้สะดวกสะบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังไม่ต้องพกบัตรประชาชน ใช้แสกนแทนคีย์การ์ดในการเข้าทำงานออฟฟิศ ซื้ออาหารจากตู้อัตโนมัติ เข้ายิม หรือแม้แต่ใช้แทนตั๋วรถไฟ โดยรายงานระบุว่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีชาวสวีดิสกว่า 3,000 รายติดไมโครชิฟแล้ว

                                           
                                            ที่มา:https://www.beartai.com